นาทีระทึก! เมื่อผู้โดยสารเช็คอินผิดสนามบิน

ฤดูฝนของปีนี้ก็ไม่ต่างจากปีก่อนๆ เลยค่ะ ฝนตกพรำๆ มากกว่าแดด แต่ละวันมีเมฆมากตลอดทั้งวัน บางวันจะมีแดดและก็ฝนสลับกันตลอดทุกสัปดาห์ วันไหนอากาศดี ก็ถือโอกาสไปเดินเล่นที่หาด และจิบกาแฟ ในวันแดดออก ท่องเที่ยวที่นี่ ถ้าฝนตก คือ อุปสรรค ให้บรรยากาศฝนตกตลอดในอาทิตย์นี้ ถือโอกาสเขียนบทความในยามว่างค่ะ งานท่องเที่ยวจะมีเรื่องราวมากมายที่ฉันต้องคอยแก้ปัญหาและช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา เขียนในบทความนี้ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซะทีเดียวก็ว่าได้ แต่เป็นเรื่องราวของคนทำงานท่องเที่ยวดีกว่าค่ะ บางสถานการณ์มีทั้งแบบแฮปปี้  บางเหตการณ์ก็ทำให้ฉันตกใจและตื่นเต้น เชียว!

สถานการณ์นี้ ไม่ใช่แค่ทำให้ตกใจ แต่ทำเอาแทบหัวใจวาย! เกิดอะไรขึ้น? ฉันจะเล่าเรื่องและประสบการณ์ของฉันให้ฟังค่ะ

 ผู้โดยสารคนนี้ชื่อนิโคลัส เขาใช้วีลแชร์ตลอดในการใช้ชีวิต   ฉันไม่เคยเห็นเขาในตัวจริง  เจอหน้าเขาเฉพาะสนทนาทางวิดีโอกับเพื่อนของเขาชื่อ โจโจ้  เวลาเขาจะเดินทางไป-มา ระหว่าง พัทยา – ภูเก็ต ก็จะจองตั๋วผ่านโจโจ้ ตลอด ครั้งนี้นิโคลัสต้องการตั๋วเครื่องบินด้วยเพื่อจะย้ายจากพัทยามาภูเก็ต

 วันที่ 19 มิถุนายน 2565 ฉันได้รับข้อความจาก ไลน์ เวลาประมาณ 19.21น. จาก โจโจ้ เจ้าของบ้านมอนวิลล่า ที่ถนนห้าสิบปีหาดป่าตอง ข้อความบนไลน์ว่า “นิกา นิโคลัส ต้องการเที่ยวบินในวันที่ 22 มิถุนายน แต่ปัญหาครั้งนี้เขาเดินไม่ได้แล้วและเขาต้องการน้ำหนักกระเป๋าและรถเข็นวีลแชร์เพิ่ม” เขาเสริมต่อว่า “เส้นทางพัทยา -ภูเก็ต “  เดินไม่ได้!! “เกิดอะไรขึ้น?” “แล้วสายการบินอะไร” ฉันถามเขา

จบแชททางไลน์ฉันโทรไปที่สายการบินที่บินจากพัทยาไปภูเก็ตคือบางกอกแอร์เวย์ การสื่อสารและรายละเอียดไม่ใช่เรื่องง่ายในกรณีนี้ เนื่องจากต้องระบุรายละเอียดของวีลแชร์ โดยเฉพาะในเรื่องขนาด ความสูง ความยาว ความกว้าง และน้ำหนัก

ถอดแบตได้ยี่ห้ออะไรและยังต้องส่งอีเมลพร้อมรูปรถวีลแชร์ เป็นต้น ดึกคืนนั้นฉันไม่สามารถประสานงานกับสายการบินได้อีกต่อเพราะสายการบินจะปิดแล้ว   ทำได้เพียงถือตั๋วเที่ยวบินแต่ยังไม่ได้ออกตั๋วและรอให้สายการบินตอบกลับอีเมล์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับกระเป๋าเดินทางและวีลแชร์

ฉันส่งข้อความถึงโจโจ้ในคืนเดียวกัน  ว่า “ฉันจะตรวจสอบให้คุณพรุ่งนี้รายละเอียดของวีลแชร์จะค่อนข้างเฉพาะจงนิดนึง” ณ เวลานั้น เป็นเวลาที่ดึกที่ตัวเองก็หมดแรงทำงานในวันนั้นของฉันเหมือนกัน

บ่ายของวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ความเหนื่อยล้า จากเมื่อวาน  ตอนเช้าฉันส่งข้อความไปให้เพื่อนร่วมงานของฉัน เธอชื่อ พี่รัก ให้มาทำงานในเวลาเที่ยงตรง เธอตอบตกลง แล้วฉันก็แอบหลบไปสปาสักหนึ่งชั่วโมง ไปถึงสปา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น!!  ปลายสายมาจากที่ร้าน พี่รักบอกว่า “นิก้า โจโจ้ มาที่ร้าน จะถามเรื่องตั๋วนิโคลัส”  ฉันสะดุ้งไปนิด!! และตอบกลับไปว่า “อ้าวเหรอ กำลังทำสปา พี่รัก โทรไปหาสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ได้มั๊ยคะ สอบถามเรื่องวีลแชร์ เดี๋ยวจะส่งรูปวีลแชร์ไปให้แล้วแจ้งรายละเอียดให้สายการบินนะคะในเคสที่เราจะโหลดวีลแชร์”

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉันกลับไปที่ร้าน รายละเอียดยังไม่เคลียร์กับทางสายการบิน ฉันจึงต้องติดต่อไปอีกรอบทั้งส่งอีเมล์ไปอีกครั้ง สายการบินก็ยังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ และแจ้งมาว่า “เดี๋ยวทางสายการบินจะให้ตั๋วใบนี้สิ้นชำระเงินก่อนวันเดินทางสองชั่วโมง ครับ ในวันที่ 22 มิถุนายน 2565   แล้วทางเราจะทำการเช็คเรื่องน้ำหนักกระเป๋าและวีลแชร์อีกครั้งว่ามีค่าใช้จ้ายเท่าไร” ทุกอย่างเหมือนไปได้สวยค่ะ  แต่…

เช้าของวันที่ 21 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. ปลายสายดังมาแต่เช้า “สวัสดีค่ะ จากสายการบินบางกอกแอร์เวย์ นะคะ เรียนสายคุณกรรณิกาค่ะ” คุณธัญญาสิริ จากสายการบินบางกอกแอร์เวย์  ฉันดีใจนิดนึงเพราะรู้ว่าต้องโทรไปหาสายการบินเช้านี้แน่ แต่ทางสายการบินโทรมาก่อน “ขอบคุณค่ะที่โทรมา ว่าจะโทรไปเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่โล่งใจ

“เนื่องจากการโหลดกระป๋าและสัมภาระที่เป็นวีลแชร์ เส้นทางจากสนามบินอู่ตะเภาไปภูเก็ต ไม่อนุญาตโหลดวีลแชร์ค่ะ” คุณธัญญาสิริแจ้ง “ อ้าววว ”  ฉันอุทานขึ้น “ ลูกค้าจะบินวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ”  ท้ายที่สุดแล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางจากสนามบินอู่ตะเภา(พัทยา)ไปภูเก็ต เป็นสนามสุวรรณภูมิไปภูเก็ตแทน ฉันรีบส่งข้อความไปหาโจโจ้ เพื่อแจ้งรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น และให้บอกนิโคลัส ไม่ได้บินวันที่22 แล้ว ต้องเปลี่ยนเป็นวันที่ 23 มิถุนายน ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิแทน เพราะสามารถโหลดกระเป๋าและวีลแชร์ได้  สายการบินให้โหลดฟรีสำหรับวีลแชร์

ต้องขอบคุณที่เอื้อยอำนวยให้ผู้โดยสาร หลังจากทุกอย่างตกลง ฉันก็ยืนยันออกตั๋วเรียบร้อย ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีวันนี้ และฉันบอกกับโจโจ้ว่า “เตรียมพร้อมนะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในวันเดินทาง  คนขับรถพร้อม พนักงานที่สนามบินสุวรรณภูมิก็พร้อมที่จะดูแลนิโลลัสให้ตลอดการเดินทาง”แล้วฉันเสริมต่อ  “เรื่องวีลแชร์เห็นบอกว่าไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ให้เผื่อไว้ด้วยนะ เพราะถึงวันเดินทาง ฉันเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก ”

ตอนบ่ายวันที่23 มิถุนายน 2565 ฉันเปิดร้านตามปกติ เวลาประมาณบ่ายโมงนิดนิด โจโจ้ ขับรถมอเตอร์ไซต์มาด้วยความกังวล “นิกา มีปัญหาแล้ว” โจโจ้พูดด้วยสีหน้ากังวล “สายการบินบอกว่าไม่มีชื่อนิโคลัสในบุกกิ้ง” ในระหว่างที่คุยกับฉัน มือหนึ่งของโจโจ้ก็วิดีโอคอลคุยกับนิโคลัสด้วย ไม่นานโจโจ้ก็ยื่นโทรศัพท์ ให้คุยกับเจ้าหน้าที่ คนที่เช็คตั๋วให้นิโคลัสที่สนามบิน “ทางเราเช็คในระบบแล้ว ไม่พบชื่อคุณนิโคลัสครับ” เจ้าหน้าที่สายการบินบอก ฉันเริ่มกระวนกระวายแล้วพร้อมตอบแบบยืนยันว่า “ เป็นไปได้งัยคะ ตั๋วเครื่องบินชำระไปเรียบร้อยแล้วนะคะ”  “รอสักครู่นะครับ ทางเราเช็คอีกทีที่ห้องตั๋วนะครับ” เจ้าหน้าที่ตอบ “ได้ค่ะ” ฉันตอบและให้หมายเลขตั๋วพร้อมด้วยความรู้สึกที่งุนงงไปด้วย 

ในระหว่างนั้น นิโคลัสบอกโจโจ้ว่า “ อย่าพึ่งวางสายนะ ฉันไม่มีเพื่อน” นิโคลัสพูดไปหัวเราะไป ฉันและโจโจ้ก็หัวเราะไปด้วย แต่ในใจงานเข้าแล้ว!!! ….แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาผ่อนคลาย  อีกอย่างเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้!!  

ฉันเริ่มมีอาการกังวลแล้ว จึงรีบโทรไปหาคอลเซนเตอร์ ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ “รบกวนเช็คตั๋วของผู้โดยสารให้หน่อยคะ ออกตั๋วแล้วแต่เช็คอินไม่ได้ที่สนามบิน เกิดอะไรขึ้น?” และแล้วเจ้าหน้าที่ที่อยู่กับนิโคลัสได้มาแจ้งอีกที ว่า“ตั๋วใบนี้เป็นเส้นทางสุววณภูมิไปภูเก็ตนะครับ” ฉันต้องช็อค ในช็อค  โอ พระเจ้า! งานเข้าแล้ว!   ในสายที่คุยกับสายการบินก็ตอบกลับมา “ตั๋วยันยันมีในระบบครับ”

ตอนนี้เวลา ประมาณ 14.18 น. ฉันบอกให้โจโจ้รีบบอกให้นิโคลัสไปสนามบินสุวรรณภูมิด่วนเลย ต้องให้ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อน 16.00 น.พูดเหมือนง่ายนะ  แต่การที่จะเคลื่อนย้ายนิโคลัส กับกระเป๋า 30 กิโลกรัม และวีลแชร์ 35 กิโลกรัม ทุกนาทีจากนี้ไปช่างมีค่านัก ทั้งเจ้าหน้าที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ และคนขับรถได้ช่วยเขา  ฉันรู้ว่าการเร่งคนขับรถไปจากสนามบินอู่ตะเภาไปสนามบินสุวรรณภูมิไม่ดีแน่ เลยบอกพี่ไปว่า “ปกติขับรถไปสนามมบินสุวรรณภูมิ กี่ชั่วโมงคะ”ฉันถาม “ ก็น่าจะสองชั่วโมงครับ แต่ตอนนี้ 14.38 น. แล้วปกติต้องถึงกี่โมงครับ” คนขับรถพูดแบบไม่สบายใจเหมือนกัน “ประมาณสี่โมงเย็นค่ะ…เข้าใจว่ามันฉุกเฉินจริง  ทำดีที่สุดแล้วกันค่ะพี่ ขอเบอร์พี่หน่อยนะคะ ใกล้ถึงเวลาแล้วจะโทรหาอีกทีนึงค่ะ” ฉันพูดจบแล้วมองหน้า โจโจ้ พวกเราเหมือนจะหมดหวัง…..

ในระหว่างนั้นสิ่งที่ฉันนึกถึงคือ จะดูสายการบินให้นิโคลัสแล้วล่ะ และ จะเตรียมทำเรื่องขอคืนเงินกับทางสายการบิน โอกาสที่จะไปถึงตามเวลาค่อนข้างน้อย เสี่ยงที่จะตกเครื่องได้ ต่อมาเวลา 15.30 น. เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  “สวัสดีค่ะ ใช่คนที่จองตั๋วเครื่องบินให้นิโคลัส มั๊ยคะ” “ใช่ค่ะ” ฉันตอบ “ผู้โดยสารจะไปถึงสนามบินกี่โมงคะ” เสียงปลายทางได้ถามมา “คนขับรถบอกว่า น่าจะสี่โมงนิดๆค่ะ” ฉันตอบ แล้วเธอแจ้งอีกว่า “ยังงัยก็ไม่ทันค่ะ ปกติต้องเช็คอิน อย่างน้อย หนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนขึ้นเครื่องค่ะ แล้วเวลาไฟลท์ออกก็ตามเวลาบิน เป็นไฟลท์บินสุดท้ายด้วย” 

ฉัน เข้าใจที่เขาพูด  เสียงอ้อนวอนของฉันที่อยากจะขอความร่วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้องผ่านเธอว่า “สงสารผู้โดยสารค่ะ ที่ไปผิดสนามบิน แต่ตอนนี้ผู้โดยสารกำลังเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ   เขาก็ตั้งใจอยากจะเดินทางไปวันนี้   แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้ก่อน ก็ลองดูค่ะถ้าไปไม่ทันก็ค่อยว่ากันอีกที แล้วโทรมาจากที่ไหนคะ” ฉันถาม  และเธอก็ตอบว่า “จากสายการบินบองกอกแอร์เวย์ อู่ตะเภาค่ะ ได้ขอเบอร์คนขับไว้แล้วค่ะว่า  ถ้าไปถึงจะช่วยประสานงานให้ทางเจ้าหน้าที่รอรับผู้โดยสารเมื่อไปถึง” พูดจบ มันชั่งเป็นแผนที่ฉันคิดไว้ก่อนหน้านั้นจริงๆ ใจฉันมีความหวังขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับนิโคลัสเถิด

เวลา16.14 น. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง  ความรู้สึกของฉันก่อนรับสาย และภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเถิด ฉันกดรับสาย “ผู้โดยสาร….ทันนะคะ” เป็นเสียงคนเดิม ฉันโล่งมากแล้วตอบกลับไปว่า “โอวววว…ขอบคุณค่ะ กดไลด์เลยบางกอกแอร์ ขอบคุณนะคะ” เสียงที่เธอตอบกลับมา น่าจะลุ้นและโล่งเหมือนๆกันว่า “ ค่ะ ค่ะ”

เป็นเหตุการณ์ที่มีให้ตื่นเต้น และเกือบหัวใจวายสำหรับเหตุการณ์นี้ อีกหนึ่งวันของการทำงานค่ะและขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือและร่วมมือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ คนขับรถที่ไปส่งนิโคลัสที่สนามบินสุวรรณภูมิ คนขับรถที่ภูเก็ตที่ไปส่งถึงที่พักอย่างปลอดภัย เสร็จภารกิจเชื่อแหล่ะทุกคนต่างโล่งใจและดีใจที่ได้ช่วยเหลือผู้โดยสารที่นั่งวีลแชร์  การเคลื่อนย้ายต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เพราะนิโคลัสเองก็เดินทางเพียงลำพัง พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สัมภาระค่อนข้างเยอะด้วย ต้องอาศัยโจโจ้เพื่อนของเขา ในการสื่อสารผ่านทางวิดีโอคอลตลอดการเดินทางในช่วงเวลานั้น  เป็นเหตการณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความร่วมมือ และน่าประทับใจอีกเหตุการณ์ และประสบการณ์ทำงานในสายงานการท่องเที่ยวของฉัน

Writer: Better Call Nika

Leave a Reply

%d bloggers like this: